วงกลมปริศนา
บริเวณทุ่งนาทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ ได้พบวงกลมแปลกๆขนาดใหญ่มีรูปแบบโครงสร้างทรงเรขาคณิตประณีตสวยงาม ทำให้คิดว่าลักษณะดังกล่าว เหมือนจะไม่ใช่ฝีมือมนุษย์เพราะเกิดขึ้นชั่วข้ามคืน
รูปแบบที่พบและตำนานดั้งเดิม
วงกลมปริศนา มักจะเกิดบนทุ่งหญ้า หรือทุ่งข้าวสาลี มีลักษณะถูกกดทับ(จากการกระทุ้งลงไปบนพื้น) ให้เอียงลงและต้นพืชจะไม่เสียหายนัก โครงสร้างรูปแบบมีขอบ ส่วนใหญ่เป็นวงกลม บางแห่งมีความซับซ้อนน่าสนใจ มีสัญลักษณ์เกี่ยวข้องไปในหลายๆด้าน ดูคล้ายกับต้องใช้เวลานานมากในการกระทำ
พัฒนาการรูปแบบใหม่ มีความซับซ้อนมากขึ้น
ตั้งแต่ช่วง ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา จากรูปแบบเดิมที่มีวงเดียว เกิดรูปแบบใหม่เป็น2-3 วงซ้อนกัน บางแห่งมีเป็นลักษณะแฝด 4 วงจนกระทั่ง มีแบบวงแหวนอยู่ด้านนอก มีแบบหมุนวนเข้า-ออก คล้ายการเคลื่อนตัวหมุนตามเข็มนาฬิกาและหมุนทวนเข็มนาฬิกา มีการซ้อนกันของวงกลม ทำให้มีความหลากหลายมากขึ้น
นอกจากนั้นยังมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเป็นหลายพันฟุต พบว่าวงกลมปริศนาในยุคนี้มีความประณีตมากขึ้น มีองค์ประกอบที่ละเอียดลออมากขึ้น เรียกว่า Pictograms (สัญลักษณ์ภาพที่เหมือนธรรมชาติ) มีแม้กระทั่ง หน้าคนยิ้ม ดอกไม้และข้อความ ซึ่งต่างไปจากอดีต
ยังพบวงกลมปริศนาทีมีความทันสมัยเกี่ยวกับ สมการทางคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์
เมื่อมาหาค่า ระยะต่างๆมีความถูกต้องในทางองค์ประกอบและตำแหน่งอย่าง
อัศจรรย์ไม่ว่าจากเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม วงกลมชั้นนอกชั้นในถูกต้องตามหลักการ
ทางเรขาคณิต บางแห่งมีเส้นที่บางเบาไม่สามารถที่จะทำโดยรถไถของชาวนาได้
ฤดูกาลและแหล่งที่พบวงกลมปริศนา
ครั้งแรกๆพบทางตอนใต้ของ อังกฤษ ที่เมือง Hampshire และ Wiltshire ยังพบ
อีกหลายแห่งบริเวณใกล้กับ Avebury และ
ในประเทศอเมริกา แคนาดา แม้กระทั่ง ญี่ปุ่นและอินเดีย ก็มีรายงานการพบ
โดยเป็นที่น่าสังเกตว่ามักจะเกิดขึ้นระหว่างช่วงเดือน เมษายน ถึงกันยายน พร้อมๆกันหลายจุดในตอนกลางคืน บริเวณที่พบอาจเป็นไร่ข้าวโพด ไร่ข้าวสาลี
ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรย์ (
เป็นเงื่อนไขที่จะอธิบายการเกิดขึ้นตามทฤษฎี Wind theory(ที่ผู้พบมักกล่าวอ้าง)
ทฤษฎีการเกิดวงกลมปริศนา
ด้วยเพื่อให้เกิดความเชื่อถือและไขข้อข้องใจ ผู้วชาญ นักวิทยาศาสตร์ และ สถาบันการค้นคว้าจึงพยายามที่จะไขปริศนาดังกล่าว หาข้อพิสูจน์ด้านทฤษฎีมารองรับการเกิดขึ้นของวงกลมปริศนา ด้วยความเห็นที่หลากหลาย และมีรูปแบบที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ซับซ้อนสวยงามต่างกัน
ทฤษฎีเกิดจากมนุษย์ต่างดาว
มักพบว่าเป็นคำอธิบายจากคนบางกลุ่ม ในเรื่องนี้ เกิดจากการกระทำของ UFOsแต่ก็ยังมีการโต้แย้งกันอย่างกว้างขวางมากมาย ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมี รูปแบบ สิ่งทรงปัญญาจากดินแดนอื่นๆได้เข้ามาแสดงการกระทำดังกล่าวไว้ ด้วยการทิ้งร่องรอยการลงจอดของยานหรือเป็นการทิ้งร่องรอยของ ข้อความที่จะสื่อสารกับมนุษย์ โดยมีการอ้างถึงมีคนเห็นการเห็นแสงจาก UFOsส่องออกมาหลังจากนั้นตอนเช้า ก็พบการเกิดขึ้น ของวงกลมปริศนาบริเวณนั้น
ทฤษฎีเกิดจากลม
เนื้อหาจากข้อสรุปทางด้านวิทยาศาสตร์ เป็นจำนวนมากแสดงเหตุผลการเกิดขึ้นของวงกลมปริศนาจากลมหมุนขนาดเล็ก (Swirling winds) หรืออาจเรียกว่า Vortices (เกิดขึ้นคล้ายสะดือทะเล) โดยมีการหมุนปั่นเป็นแกนทำให้เกิดพลังงานในอากาศ (เหมือนลมบ้าหมู) แล้วกดลงสู่ ผิวพื้นที่มีต้นหญ้า (หรือต้นไม้เล็กๆ)
ทำให้แบนราบลง
โดยลักษณะดังกล่าวมีเกิดขึ้นทั่วไปในทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ ด้วยข้อมูลจากการสำรวจของสถาบัน Tornado and Storm Research Organization (TORRO) ประเทศอังกฤษ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงพลังงานที่เรียกว่า Plasma Vortex Theory
อธิบายได้ว่า ขณะที่อนุภาพฝุ่น (Dust particles) จับตัวกันหมุนปั่น เกิดการเปลี่ยนแปลงของอากาศ มีความสามารถที่จะทำให้เกิดแสงเรืองๆได้ ดั่งเช่นที่หลายคนเคยเห็นแสงลอยอยู่ตามท้องทุ่งเป็นก้อนๆ จึงอาจตีความว่าเป็นยานของมนุษย์ต่างดาว กำลังมาสร้างวงกลมปริศนา
ท้องทุ่งบางแห่งของประเทศเรา มีรายงานในทางภาคเหนือ และภาคอีสาน ที่เคยเห็นปรากฎการณ์ของแสงลอยไปมาเช่นกัน แต่ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ crop circle ก็ยังคงเป็นปริศนาให้ค้นหากันต่อไปค่ะ
คืนหนึ่งในปี 1972 ณ ประเทศอังกฤษ อาเทอร์ ชัตเติลวูด(Arthur Shuttlewood) กับบริซ บอนด์(Bryce Bond) ซุ่มซ่อนตัวบริเวณเนินเขาสตาร์ฮิล ใกล้เวสมินเตอร์ เพื่อเฝ้าดูปรากฏการณ์แสงประหลาด ซึ่งเกิดขึ้นในแถบนั้นมานานเกือบทศวรรษ เชื่อกันว่ามันคือยูเอฟโอ คืนนั้นทั้งสองผิดหวังเมื่อไม่พบแสงประหลาด แต่ได้รับการชดเชยด้วยร่องรอยบางอย่างที่อาจเกี่ยวข้องกัน นั่นคือ พืชที่ล้มเป็นวงกลม ซึ่งต่อมาเรียกกันว่า Crop Circles
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น